รู้หรือไม่ว่าการศึกษาแท้จริงแล้วไม่ใช่แค่การเรียนห้องเรียนเพียงอย่างเดียว เพราะจริง ๆ แล้วการศึกษายังมีรูปแบบอื่น ๆ อีกมากมายเต็มไปหมด เพราะหลายคนอาจจะให้ค่าการศึกษาในแบบที่แตกต่างกัน ซึ่งขึ้นอยู่กับว่าจะตีความอย่างไร แต่ทีนี้ก็จะมาพูดเกี่ยวกับการศึกษาในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยเป็นหลักว่า การศึกษาตั้งแต่เล็กจนโตนี้สามารถส่งผลต่ออนาคตได้มากน้อยแค่ไหนอย่างไรบ้าง สิ่งที่การศึกษาสามารถให้กับนักเรียนในอนาคต

            3 สิ่งที่ได้จากการศึกษาส่งผลต่ออนาคตอย่างเห็นได้ชัด

• สามารถสร้างรายได้ได้มากขึ้น – ในสิ่งแรกที่สามารถเห็นได้ขัดเจนในบางสายงาน จะเห็นได้ว่าหากมีการศึกษาที่มาก โดยไม่ได้ยึดในแง่ของใบปริญญา แต่เป็นความสามารถที่รู้รอบด้านในการศึกษาต่าง ๆ จะมีส่วนสำคัญที่ช่วยส่งเสริมให้เงินเดือนของทุก ๆ เพิ่มได้มากยิ่งขึ้น หรือต่อให้เปิดธุรกิจเป็นของตัวเองหากศึกษาในศาสตร์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการทำธุรกิจก็มีส่วนสำคัญที่ช่วยทำให้สร้างรายได้ได้เพิ่มมากยิ่งขึ้นเช่นเดียวกัน
• มีทัศนคติในด้านต่าง ๆ ที่ดียิ่งขึ้น – สิ่งนี้จะสามารถเห็นได้เป็นส่วนใหญ่สำหรับคนที่มีการศึกษาในด้านต่าง ๆ ที่มากยิ่งขึ้น แต่ใช่ว่าจะมีแบบนี้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่อย่างน้อยก็จะช่วยทำให้ทัศนคติในการใช้ชีวิตเบื้องต้นมีเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน รู้จักการมีระเบียบวินัย รู้จักรับผิดชอบต่อหน้าที่ รู้ว่าจะใช้ชีวิตไปเพื่ออะไร ได้รู้เป้าหมายในการใช้ชีวิต และจะสามารถหาหนทางให้ชีวิตไปสู่ทิศทางที่ดีได้นั่นเอง สิ่งในเรื่องของทัศนคติเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะสิ่งนี้จะอยู่กับเราไปทั้งชีวิค การศึกษาจึงสามารถช่วยในจุดนี้ได้นั่นเอง
• การศึกษาคือของที่ติดตัวไปตลอดชีวิต – ถ้าหากถามคนที่เก่ง ๆ ไม่ว่าสายไหน ๆ เขาจะบอกว่าต่อให้ไม่มีเงินทอง แต่ถ้าหากมีความรู้ มีวิชาในด้านที่ศึกษามา ก็สามารถเอาชีวิตรอดได้อย่างปลอดภัย ซึ่งในจุดนี้จะมองว่าเป็นของที่อุ่นใจก็ได้ว่า ต่อให้ในชีวิตไม่มีอะไรเลย อย่างน้อยก็มีวิชาที่สามารถนำไปใช้เพื่ออยู่รอดได้นั่นเอง

• 
  วิธีเรียนให้เก่ง ความจำดี กับ 5 ขั้นตอนแบบง่าย ๆ ทำอย่างไรได้บ้าง
• 
  เรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเอง กับเทคนิคการ ฟรี ๆ แต่ได้ผลจริงสุด
• 
  อุปกรณ์การเรียนน่ารัก เป็นหนึ่งในไอเทมสำคัญที่ช่วยเพิ่มสีสันของการเรียน 
• 
  ไอแพดเพื่อการศึกษา เป็นหนึ่งอุปกรณ์เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ถูกพัฒนาขึ้น
• 
  เรียน ยัง ไง ให้ได้ A เป็นความรู้สึกที่น้องใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัยมองว่ายาก

ปัญหาการพูดสื่อสารภาษาอังกฤษไม่ได้ของเด็กไทยนั้นเป็นที่รู้กันดีของคนไทย เพราะเราไม่สามารถปฏิเสธว่าเด็กไทยนั้นค่อนข้างมีทักษะในการสื่อสารภาษาอังกฤษค่อนข้างน้อย ทั้ง ๆ ที่การศึกษาของไทยในยุคปัจจุบันนั้นมีการเรียนการสอนภาษาอังกฤษตั้งแต่ระดับอนุบาล หรือระดับประถม ข้อมูลการเรียน จนกระทั่งถึงระดับปริญญาตรีกันเลยที่เดียว เรียกได้ว่าเด็กไทยผ่านการเรียนภาษาอังกฤษกันนับเป็นเวลามากกว่า 10 ปีเลยทีเดียว 

ไฉนเลยผลลัพธ์การสื่อสารภาษาอังกฤษของเด็กไทย คนไทยรั้งท้ายชาติอื่น ๆ เรียกได้ว่าปัญหานี้ไม่ใช่ปัญหาใหม่ เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ยุคอดีตกันเลยก็ว่าได้ โดย ปัญหาการเรียนเด็กไทย ที่ยังต้องรีบแก้ไข หากคนไทยทุกคนช่วยกันถอดรหัสปัญหาระดับชาตินี้ได้อย่างตรงจุด เชื่อเหลือเกินว่าศักยภาพของคนไทยนั้นไม่แพ้ชาติใดในโลกเลยทีเดียว 

ปัญหาการเรียนเด็กไทย ที่ส่งผลต่อการสื่อสารภาษาอังกฤษ

ปัญหาการเรียนเด็กไทย ปัญหาข้อแรกที่พบบ่อยๆ ก็คือ ไม่กล้าพูด กลัวโดนบูลลี่ เชื่อเหลือเกินว่าสำหรับคนที่มีความสนใจ ตั้งใจสื่อสารภาษาอังกฤษนั้น ในช่วงระยะเริ่มต้น ช่วงระยะแรกของการฝึกฝนสื่อสารภาษาอังกฤษย่อมที่จะต้องมีบ้างบางคำที่พูดสื่อสารผิด เป็นเรื่องธรรมดาเพราะเราคนไทยนั้นไม่ใช่เจ้าของภาษา 

ปัญหาการเรียนเด็กไทย ปัญหาข้อต่อมาที่พบบ่อยๆ ก็คือ เมื่อพูดผิดแล้วถูกล้อเลียน ก็เป็นธรรมดาที่คนรอบข้างบางคน ที่มีนิสัย หรืออะไรบางอย่างที่ทำการพูดบูลลี่ หรือแสดงการล้อเลียน ขำขันให้คนที่เริ่มฝึกพูดนั้นเกิดความไม่มั่นใจ และไม่กล้าที่จะฝึกพูดภาษาอังกฤษอีกต่อไป เพราะเหมือนเป็นสิ่งที่ประหลาด หรือผิดปกติ จากเดิมที่ไม่มั่นใจอยู่แล้ว กลับกลายเป็นว่าการถูกคนรอบข้างบูลลี่ส่งผลให้เกิดความไม่มั่นใจทวีคูณ เรียกได้ว่าเป็นอุปสรรคใหญ่อย่างหนึ่งของผู้ที่เริ่มฝึกกันเลยทีเดียว 

ระบบการศึกษาไทย สิ่งหนึ่งที่เราคนไทยไม่สามารถปฏิเสธได้เลยนั้นก็คือระบบการศึกษาของคนไทยตั้งแต่ยุคอดีต และรวมถึงในยุคปัจจุบันนั้นก็พบว่าจะเป็นปัญหาอยู่บ้าง ปัญหาการเรียนเด็กไทย สำหรับสถาบันการศึกษาไทยโดยส่วนใหญ่ที่อาจจะยังคงไม่ได้แข็งแรงในเรื่องการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ

เนื่องด้วยผู้สอนเป็นคนไทยเสียส่วนใหญ่ การเรียนการสอนการ การถ่ายทอดองค์ความรู้ในด้านการสื่อสารภาษาอังกฤษนั้นจึงค่อนข้างมีอุปสรรคพอสมควรเมื่อเทียบกับผู้สอนที่เป็นเจ้าของภาษาโดยตรง

• การค้นหาตัวเอง เพื่อเลือกวางแผนการศึกษาต่อในมหาลัย
• วิธีการเรียนภาษาอังกฤษ ด้วยตัวเองพร้อมเทคนิคแบบง่ายๆ
• รูปแบบการศึกษา ที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวันควรมีในการสอน
• เทคนิค การพิชิตภาษาไทย การจัดการเรียนการสอนภาษาไทยให้เด็กสนุกมากยิ่งขึ้น

คณะพาณิชยศาสตร์ และการบัญชี อีกหนึ่งคณะยอดฮิตคณะในฝันของใครหลาย ๆคนที่อยากจะเข้าไปให้ได้ คณะที่การันตีจบมามีงานทำแน่นอน แถมไม่มีใครจะมาแย่งงานได้อีกด้วย สิ่งต่าง ๆเหล่านี้ก็ทำให้ใครหลาย ๆคนรู้สึกอยากเรียนในสายคณะนี้

ซึ่งวันนี้หากน้อง ๆคนไหนที่มุ่มันและตั้งเป้าหมายไว้อย่างแน่วแน่แล้ว วันนี้เราก็จะมาชี้ทางสู้การเข้าเรียน คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ให้กับทุกคนกัน รับรองว่าหากเรารู้ข้อมูลเหล่านี้ไวเราก็จะได้เริ่มเตรียมพร้อมไว้และได้เปรียบกว่าคนอื่น ๆ ดังนั้นใครที่อยากเข้าก็ต้องห้ามพลาดกันไปเลยนะคะ ซึ่งข้อมูลการเข้าศึกษาต่อจะเป็นอย่างไรบ้างนั้นเราไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมกันเลยค่ะ

คณะพาณิชยศาสตร์ และการบัญชี ที่น้องๆจบใหม่ให้ความสนใจกันมาก

คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี พื้นฐานแรกที่อยากเข้าเรียนคือ ผู้มีสิทธิเข้าศึกษาต่อต้องมีวุฒิจบการศึกษาในระดับมัธยมปลาย สำเร็จหลักสูตรปวช หรือมีใบสอบเทียบเท่าเพื่อใช้ในการสมัครผ่านระบบส่วนกลาง ต่อมาคือคะแนนที่เราจะต้องใช้ในการยื่นสมัครเข้า แต่ละมหาลัยก็จะมีกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกันไป เด็กวัยรุ่น ดังนั้นใครอยากเข้ามหาลัยไหนก็ต้องตรวจเช็คสัดส่วนคะแนนกันให้ดีนะคะ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วสำหรับคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีจะใช้คะแนนดังนี้

คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี พื้นฐานที่สองที่อยากเข้าเรียน คือ รับตรง ผลจบการศึกษา, GPAX เกรดเฉลี่ย, คะแนนสอบ PAT1 ความถนัดคณิตและ GAT

คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี พื้นฐานที่สามที่อยากเข้าเรียน คือ รอบแอดมิชชั่น จะใช้คะแนนเดิมเพิ่มเติมคือคะแนนโอเน็ต เคล็ดลับการเรียนเก่งขั้นเทพ แต่สำหรับปีการศึกษา 2565 นี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงตัดการสอบโอเน็ตออกจากระบบ ดังนั้นหากใครที่ไม่มีคะแนนในส่วนนั้นก็จะใช้แค่คะแนนตามรับตรงที่มี การสอบ ซึ่งจะมีอะไรเปลี่ยนใหม่อีกบ้างนั้นก็ต้องรอทางกระทรวงประกาศออกมานะคะ

คณะพาณิชยศาสตร์ และการบัญชี รายชื่อมหาลัยที่เปิดการเรียนการสอน

มีหลายมหาลัยในประเทศไทยเลยที่เปิดหลักสูตร คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ซึ่งมันมีเยอะมาก ๆนะคะ ข่าวการศึกษาไทย ดังนั้นจะยกมาให้เห็นบางส่วนกันเท่านั้นนะคะ ดังนี้

• จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
• มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
• มหาวิทยาลัยมหิดล ทุกวิทยาเขต
• มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
• มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
• มหาวิทยาลัยขอนแก่ ทุกวิทยาเขต
• มหาวิทยาลัยศิลปากร
• มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
• มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
• มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี
• มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
• มหาวิทยาลัยรังสิต
• มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์
• สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
• มหาวิทยาลัยทักษิณ
• มหาวิทยาลัยนเรศวร

              ประมาณนี้กันเลย คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ที่มีทั้งเอกชนและของรัฐบาลเลยนะคะ จำนวนชั่วโมงในการเรียน ใครสะดวกแบบไหนตามนั้นกันได้เลย

แต่หากใครที่อยากใครอยากเข้ามหาลัยของรัฐบาลก็ต้องเตรียมความพร้อมให้ดีด้วยนะคะ ไทเกอร์111 ที่ร่วมสนุกกันได้ทุกที่ทุกเวลา เพราะเราต้องแข่งขันกับเด็กทั่วประเทศเลย ดังนั้นเมื่อเลือกมหาลัยที่จะเข้าได้แล้วก็อย่าลืมไปศึกษาข้อมูลและอัพเดตข่าวสารเพิ่มเติมกันด้วยนะคะ

แนวโน้มในเรื่องของการศึกษา ที่หลายฝ่ายตั้งประเด็นคำถาม ว่าจะมีแนวทางไปในทิศทางใด โดยความคิดในเรื่องของ การศึกษาของไทย ที่ได้รวบรวมมาในวันนี้เป็นส่วนหนึ่งของความคิดจากนักเรียนและนักศึกษาซึ่งอาจจะเป็นประโยชน์ที่จะทำการปฏิรูปให้ระบบการศึกษาในประเทศไทยนั้นเทียบเท่านานาอารยประเทศ

ความคิดเห็นของนักเรียน ในด้านการศึกษาของไทย

การศึกษาของไทย นักเรียนส่วนใหญ่บอกว่า ค่อนข้างกำจัดกรอบในทางความคิดมากจนเกินไป และบางครั้งความเป็นวัฒนธรรมที่สั่งสมมาอย่างยาวนานในเรื่องของการเชื่อฟังอาจารย์ก็เป็นส่วนหนึ่งทำให้นักเรียนนั้นแสดงความคิดเห็นได้ไม่เต็มที่โดยหลักสูตรก็บีบให้นักเรียนต้องทำตามทั้งหมดโดยไม่สามารถคิดอะไรเองได้เลย

              การศึกษาของไทย นักเรียนส่วนใหญ่บอกว่า โดยการเรียนปัจจุบันเหมือนให้ ท่องจำมากกว่าที่จะทำความเข้าใจ มันไม่ได้ทำให้เด็กกระตือรือร้นในการเรียนเท่าที่ควร เพราะบางครั้งอาจจะเห็นว่าการข้ามชั้นการศึกษาจาก ม.1 ถึง ม, 2  ถึงจะสอบตก แต่ยังไงก็ตาม ยังสามารถเลื่อนขั้นได้อยู่ดี และนักเรียนก็ไม่มีความกระตือรือร้นในการที่จะเรียนหนังสือ ดังนั้นควรมีการซ้ำชั้นหรือไม่ก็มีอะไรที่ทำให้รู้สึกว่ามันต้องเรียน หรือว่ากระตือรือร้นในการเรียนมากกว่านี้

การศึกษาของไทย ประเด็นต่อมาสำหรับความคิดของนักเรียนที่มองว่าค่อนข้างที่จะ เน้นผลลัพธ์มากกว่ากระบวนการ เช่น สมมุติว่าคิดเลข ถ้าเป็นต่างประเทศ เขาจะเน้นว่าเขาจะคิดยังไง มีวิธีการคิดยังไง แต่ การศึกษาของไทย เน้นคำตอบที่ถูกต้องมากกว่า เมืองไทยเขาวัดคะแนนที่ผลลัพธ์มากเกินไป

จนสุดท้าย การศึกษาของไทย ไม่สามารถครบวงจรในโรงเรียนได้จนเด็กต้องออกมาเรียนพิเศษ เด็กที่วาดรูปเก่งเขาไม่ได้รับการสนับสนุนเลย พ่อแม่ก็พยายามให้ลูกเก่งเลข เก่งวิทย์ บีบบังคับให้เรียนสายวิทย์ ดูเป็นการกำจัดกรอบ จริงๆแล้วเขาอาจจะเก่งอย่างอื่นที่เขาสนใจแต่ไม่ได้โดนสนับสนุน

ในอนาคตอยากให้การศึกษาของไทยเป็นอย่างไร

ประเด็นนี้นักเรียนบอกว่า อยากจะให้อนาคต การศึกษาของไทย ปรับเปลี่ยนหลักสูตรบางเรื่องมันไม่ได้ใช้ น่าจะเป็นสิ่งที่นักเรียนชอบและเป็นสิ่งที่ใช้ในอาชีพ บางวิชามันไม่ได้ใช้เลย เรียนไปก็ไม่มีประโยชน์ อยากให้มีคอร์สแบบค้นพบตัวเองมากกว่า คือให้มีช่วงเวลาของกิจกรรมที่ให้ได้คิดมากขึ้น ได้ทำอะไรที่เป็นการทำงานจริงๆ กิจกรรมจะอยู่ในห้องเรียนหรือนอกห้องเรียนก็ได้ 

สิ่งที่สำคัญคือ ควรปรับหลักสูตร เพราะว่าเด็กแต่ละคนก็มีความสามารถมีความสนใจที่ไม่เหมือนกัน การที่เราคิดให้เขาเรียน เป็นเด็กที่ไม่ชอบแล้ว เอาเวลาไปทำในสิ่งที่มันเป็นช่วงส่งเสริมเขา จะมีแรงบันดาลใจในการเรียนมากกว่าเป็นประโยชน์ต่อตัวเขาและประเทศชาติในอนาคตได้มากกว่า นี่คือความคิดของนักเรียนต่อระบบ การศึกษาของไทย แล้วในฐานะผู้ใหญ่หรือผู้เชี่ยวชาญ คิดอย่างไรกับการศึกษาไทยในปัจจุบัน 

ติดตามข่าวสาร ข่าวการศึกษาไทย ได้ที่เว็บไซต์นี้

แนะนำข่าวการศึกษาไทย การเรียนรู้ใหม่ แบบ New Normal เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้น